Switch Mode

ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว ตอนที่ 4

โกลาหลไปหมด

“พี่ใหญ่ ทำอย่างไรดี” พี่น้องหลายคนถามหลินเอ้อร์เป่าเสียงเบา

หลินเอ้อร์เป่ามองฉินเหยาอย่างลึกล้ำปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “พวกเรา…พวกเราพาตัวเขาไปได้จริงๆ หรือ”

ฉินเหยาพยักหน้า “พาไปเถอะ ข้าไม่มีทางขวางแน่นอน”

หลินเอ้อร์เป่าและพรรคพวก “…”

หลินเอ้อร์เป่านึกถึงตอนที่ฉินเหยาสะบัดเขาออกเมื่อครู่ในใจยังรู้สึกหวาดระแวงอยู่เล็กน้อย และไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนรังแกสตรีและเด็กจึงตัดสินใจทำใจกล้าขึ้น

ได้ เจ้าสองสามีภรรยาแสดงละครต่อไปเถอะ ข้าจะคอยดูว่าใครกันจะร้องไห้ในตอนจบ!

“พาตัวไป!”

หลินเอ้อร์เป่าออกคำสั่ง พี่น้องในกลุ่มรีบจับหลิวจี้ที่ถูกมัดจนเหมือนบ๊ะจ่างบนพื้นขึ้นแล้วแบกไปในทันที

เดินไปหลายก้าว พวกเขาก็หันกลับมามองดูว่าฉินเหยาจะแสดงสีหน้าอย่างไร

แต่กลับพบว่าฉินเหยาไม่แสดงท่าทีใดๆ แม้แต่น้อย

ตั้งแต่เกิดมาหลินเอ้อร์เป่าเองก็เพิ่งเคยพบเจอเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก ล้วนบอกว่าเป็นสามีภรรยาเพียงคืนเดียวก็มีบุญคุณกันร้อยราตรี แต่เหตุใดคนคู่นี้กลับไม่มีแม้แต่ความผูกพันหลงเหลือเลยเล่า

ยังมีเด็กอีกสี่คนของตระกูลหลิวกลับไม่มีใครเข้ามาขัดขวางเลยแม้แต่นิด เจ้าหลิวสามนี่ต้องโดนรังเกียจถึงเพียงไหนกันเนี่ย!

หลิวต้าหลางมองส่งหลินเอ้อร์เป่าและพรรคพวกแบกหลิวจี้ที่ดิ้นอย่างรุนแรงเดินห่างออกไปแล้วมองแม่เลี้ยงตรงหน้า พลางถามหยั่งเชิงด้วยเสียงแผ่วเบา

“ท่านเพียงต้องการขู่พ่อข้า ไม่ได้คิดจะให้หลินเอ้อร์เป่าฆ่าเขาจริงๆ หรอกใช่ไหม”

ฉินเหยา “…” ไม่ใช่ ข้าตั้งใจจริง

เด็กทั้งสี่คน “…”

พวกเขามองดูฉินเหยาไล่ชาวบ้านที่ยืนมุงดูออกไป หยิบจอบและถุงสองใบที่ไม่รู้ว่าด้านในใส่สิ่งใดเอาไว้เดินเข้าไปเข้าบ้าน

พี่น้องตระกูลหลิวทั้งสี่แลกเปลี่ยนสายตากัน หลังจากนั้นพี่ชายน้องชายทั้งสามคนก็ตะโกนเรียก “พ่อ!” ก่อนจะวิ่งตามไปยังทิศทางที่หลินเอ้อร์เป่าและพรรคพวกจากไปอย่างบ้าคลั่ง

แต่น่าเสียดายที่ร่างกายอ่อนแอเกินไป วิ่งไปไม่กี่ก้าวก็เหนื่อยจนขาอ่อน เวียนหัวตาลาย หยุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้เก่าแก่ตรงสุดหมู่บ้าน

ไม่นานนัก พวกเขาก็กลับมาอย่างหมดอาลัย พอมองดูแผ่นหลังของฉินเหยาที่กำลังยุ่งง่วนอยู่ ทำท่าอึกอักแต่ไม่กล้าพูดอะไร

จากนั้นไม่นาน หลิวเหล่าฮั่นพ่อลูกสี่คนก็หอบแฮ่กๆ กลับมาจากทุ่งนาอย่างรีบร้อน

ใต้หล้าเพิ่งกลับสู่ความสงบหลังจากผ่านยุคแห่งความวุ่นวายไปไม่นาน

ในปัจจุบัน ประชากรในแคว้นเซิ่งมีจำนวนน้อย ดังนั้นชาวบ้านจึงได้รับการแบ่งสรรที่ดินกันค่อนข้างมาก โดยชายวัยผู้ใหญ่หนึ่งคนได้รับที่ดินห้าสิบหมู่ ส่วนสตรีวัยผู้ใหญ่หนึ่งคนได้รับยี่สิบหมู่

แน่นอนว่าภาษีก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลหลิวปลูกข้าวฟ่างในฤดูใบไม้ผลิและปลูกข้าวสาลีในฤดูใบไม้ร่วง ตลอดปีล้วนวุ่นอยู่กับการทำไร่ แต่ผลผลิตกลับไม่มากนัก ลำบากเช่นนี้กลับทำได้เพียงฝืนเลี้ยงดูครอบครัวใหญ่ได้อย่างกระเบียดกระเสียร

เมื่อเห็นว่าอากาศเริ่มเย็นลง หลิวเหล่าฮั่นก็ไม่กล้าอยู่ว่าง ก่อนฟ้าสางก็พาลูกชายทั้งสามคนออกไปทำงานในนาแล้ว

ฝ่ายสตรีในบ้านก็ไม่ได้อยู่ว่างเหมือนกัน นางจางภรรยาใหม่ของหลิวเหล่าฮั่นพาลูกสะใภ้คนโตและคนรองจัดการงานบ้านเสร็จแล้วจึงไปที่แปลงผัก

แม่สามีและลูกสะใภ้ทั้งสามตั้งใจรีบเก็บเกี่ยวผักใบเขียวอีกครั้งก่อนฤดูหนาวมาถึง จะได้เก็บไว้กินในช่วงฤดูหนาว

ขณะที่ทางฝั่งหลิวจี้กำลังวุ่นวาย ในเรือนเก่าของตระกูลหลิวมีเพียงเด็กวัยแปดขวบคนหนึ่งอยู่เฝ้าบ้าน

ชาวบ้านที่มาส่งข่าวเห็นดังนั้นก็รีบสั่งให้เด็กไปตามพวกลุงๆ ของเขากลับมาทันที บอกว่าอาสามของเขากำลังจะถูกพวกทวงหนี้ตีตายแล้ว

ปกติเด็กคนนี้เคยได้ยินปู่ย่าพ่อแม่พูดถึงวีรกรรมของอาสามอยู่เสมอ เขาจึงไม่ชอบอาสามนัก แต่เมื่อรู้ว่าอาสามกำลังจะถูกตีตายก็ไม่สนใจเรื่องชอบไม่ชอบอีก รีบลงกลอนประตูบ้านแล้วออกไปตามผู้ใหญ่ที่นา

เส้นทางบนภูเขาไกลมาก กว่าเด็กจะส่งข่าวไปถึงและหลิวเหล่าฮั่นจะพาลูกชายทั้งสามเดินทางมาถึง คนตรงหน้าบ้านหลิวจี้ก็ถูกฉินเหยาไล่ไปจนหมดแล้ว

พวกเขาไม่พบหลิวจี้ เห็นเพียงพวกต้าหลางกับพี่น้องสี่คนยืนตัวสั่นอยู่ในลานบ้าน หลิวเหล่าฮั่นพลันรู้สึกใจหาย…เขารู้สึกได้ถึงลางร้ายบางอย่าง

“ต้าหลาง พ่อเจ้าเล่า”

หลิวไป่พี่ชายคนโตของหลิวจี้เห็นว่าท่านพ่อถามอยู่นานก็ไม่ได้คำตอบเสียทีจึงอดรนทนไม่ไหว รีบแย่งถามขึ้น

ต้าหลางมองดูท่านปู่และพวกท่านลุงที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วหันไปมองฉินเหยาที่อยู่ในบ้าน ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร

หรือจะให้บอกว่าแม่เลี้ยงสั่งให้พวกทวงหนี้แบกท่านพ่อไปฆ่าชดใช้หนี้แล้ว

เมื่อเห็นพี่น้องทั้งสี่ไม่พูดอะไร เอาแต่มองเข้าไปในบ้าน หลิวเหล่าฮั่นก็โบกมือ ทั้งหมดเดินไปที่หน้าประตูบ้าน

บ้านของหลิวจี้เป็นกระท่อมมุงจากหญ้าคาที่ไม่มีแม้แต่กำแพงดิน ใช้เพียงโคลนแม่น้ำมาโบกเป็นกำแพง

บ้านแบบนี้มีเพียงสองห้องเล็กๆ ห้องครัวเป็นแบบกลางแจ้ง มีเพียงเตาที่ก่อด้วยหิน หม้อหนึ่งใบตั้งอยู่บนเตา ถังน้ำที่ว่างเปล่าอีกใบข้างเตา ไม่มีแม้แต่รั้วล้อมรอบสามารถมองเห็นได้ในทันที

หลิวเหล่าฮั่นและบุตรชายทั้งสี่คนเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงตรงหน้าฉินเหยา

สะใภ้คนใหม่ที่เจ้าสามพากลับมา หลิวเหล่าฮั่นเคยเห็นหน้าอยู่ครั้งหนึ่ง

เมื่อสามวันก่อน หลิวจี้เจ้าคนไร้ยางอายผู้นี้ขอพักที่เรือนเก่า บอกว่าจะเข้าไปในอำเภอเพื่อรับสะใภ้ เขา ‘ยืม’ เงินสิบเหวิน แล้วใช้เงินนั้นเช่าวัวเทียมเกวียนจากบ้านหวังไปที่อำเภอเพื่อรับคนกลับมา

หลิวจี้กลับยังไม่ลืมว่าที่บ้านยังมีพ่อเช่นเขาที่เป็นผู้อาวุโสอยู่จึงพาสะใภ้ใหม่มาที่เรือนเก่าแล้วคุกเข่าโขกศีรษะให้หลิวเหล่าฮั่นอย่างจริงจัง

เหยาเหนียงที่ลี้ภัยมา ไม่มีเงินติดตัว สวมเพียงเสื้อผ้าชุดเก่าที่คนอื่นให้มา ผอมจนแทบจะเหลือแต่กระดูก

ตอนนั้นนางจางผู้เป็นมารดาเลี้ยงมองดูแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว ร่างกายเล็กๆ ผอมแห้งเช่นนี้ช่างขาดทุนอย่างร้ายกาจ แต่งกับหลิวจี้เจ้าคนไม่เอาไหนนั่นก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดได้หรือไม่

แต่ใบหน้าของนางดูแล้วไม่เลวเลยจริงๆ ไม่แปลกใจที่หลิวจี้ยืนกรานเช่าวัวเทียมเกวียนเพื่อไปรับตัวนางกลับมา

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง น้องเล็ก” ฉินเหยาเรียกพวกเขาทีละคน

พี่น้องตระกูลหลิวทั้งสามพยักหน้ารับ นับว่ายังสุภาพ

พ่อเฒ่าหลิวที่กลั้นลมหายใจเอาไว้พลันถอนหายใจออกมาอย่างแรง ถามด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “เจ้าสารเลวสามนั่นเล่า”

ฉินเหยาวางจอบในมือไว้ที่หลังประตู เพราะนี่คือของที่มีค่าที่สุดในบ้านหลังนี้ตอนนี้

จากนั้นตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไปใช้หนี้แล้ว”

หลิวจ้ง พี่รองของหลิวจี้ไล่บี้ต่อว่า “คนที่มีเงินเพียงเหวินเดียวก็เอาไปซื้อถั่วลิสงครึ่งจานอย่างเขา จะเอาอะไรไปใช้หนี้ได้”

ฉินเหยาช้อนตาขึ้นมองชายทั้งสี่ตรงหน้าก่อนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่มีเงินจึงใช้ชีวิตชดใช้”

พ่อลูกทั้งสี่ตกใจมาก นี่หมายความว่าอย่างไรกัน

ฉินเหยาไม่มีทีท่าจะอธิบาย เพียงกล่าวต่อว่า “หากพวกท่านอยากไถ่ตัวเขาก็ได้ เอาเงินไปไถ่กันเอง อย่างไรข้าก็ไม่มีสักเหวินอยู่ดี”

สภาพของครอบครัวนี้เป็นอย่างไร มองแวบเดียวก็รู้ชัด คำพูดของนางทำให้หลิวเหล่าฮั่นและบุตรชายทั้งสามแย้งไม่ออก ทำได้เพียงนิ่งงันไป

“ท่านพ่อ กลับบ้านไปกินข้าวก่อนเถอะ ตอนเที่ยงพักสักหน่อย บ่ายยังต้องไปที่นากันอีก หรือว่าพวกเราต้องเอาเงินไปไถ่ตัวเจ้าสารเลวนั่นกลับมาจริงๆ บ้านเราก็ไม่มีเงินนะ ท่านพ่อท่านตั้งสติหน่อยเถอะ”

เจ้าสี่ หลิวเฝย บุตรคนเล็กของตระกูลหลิวที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

ปีนี้เขาเพิ่งอายุครบสิบสี่ปี เป็นลูกคนสุดท้องของหลิวเหล่าฮั่นและนางจาง พวกพี่ชายอายุมากกว่าเขาหลายปีจึงยอมให้เขาตลอดทำให้เขาเป็นคนที่มีนิสัยเอาแต่ใจมากที่สุด

เขาไม่เชื่อหรอกว่าฉินเหยา สะใภ้ใหม่ผู้นี้จะไม่สนใจความเป็นความตายของสามีของตน ดังนั้นเมื่อนางที่เป็นภรรยาไม่ร้อนใจแล้วพวกเขาจะร้อนใจทำไม ที่บ้านก็ช่วยไปมากพอแล้ว

ลูกชายในตระกูลหลิวตั้งชื่อเรียงตามลำดับ ไป่ จ้ง ซู จี้ หลิวจี้เป็นคนที่สาม ตามหลักแล้วควรจะได้ชื่อว่าหลิวซูจึงจะถูก แต่หลังจากมีบุตรชายสามคนติดต่อกัน หลิวเหล่าฮั่นก็ไม่อยากมีลูกชายอีกจึงตั้งชื่อให้ว่า หลิวจี้ เพื่อแสดงว่านี่เป็นคนสุดท้ายแล้ว

แต่ใครจะคาดคิดว่า หลังจากมารดาแท้ๆ ของหลิวจี้เสียชีวิตไป หลิวเหล่าฮั่นก็แต่งกับนางจางแล้วทั้งสองกลับมีลูกชายออกมาอีกคน

หลิวเหล่าฮั่นมองดูบ้านที่เต็มไปด้วยเด็กผู้ชายอย่างจนใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเกิดมาแล้วจะจับไปกดน้ำให้ตายก็คงไม่ได้

บุตรชายทั้งสี่คน คนโตและคนรองเป็นคนกตัญญูและขยันขันแข็ง แม้แต่เจ้าสี่บุตรคนเล็กที่ชอบแย่งชิงผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่แปดขวบก็ลงนากับพ่อและพวกพี่ๆ แล้ว

มีเพียงเจ้าสามบุตรทรพีผู้นี้ ตั้งแต่เล็กก็ไม่เชื่อฟัง เจ้าบอกให้เขาไปทางตะวันออกเขาก็จะไปทางตะวันตก เจ้าบอกให้เขายืนอยู่เฉยๆ อย่าขยับ เขาก็จะปีนต้นไม้ให้ได้

ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว

ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว

Status: Ongoing
ชีวิตของอดีตนักล่าซอมบี้จึงต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่คือการทำไร่และเป็นหัวหน้าครอบครัว เมื่อคิดว่าไม่น่าจะเอาดีด้านการทำไร่ได้ นางก็ต้องลองหาวิธีอื่นเพื่อพลิกฐานะครอบครัวให้สุขสบายขึ้นให้จงได้! นิยายจีนโบราณ แนวชีวิตประจำวัน สร้างฐานะ ฉินเหยา ทะลุมิติจากวันสิ้นโลกที่มีซอมบี้ พืชและสัตว์กลายพันธุ์มาอยู่ในยุคโบราณแสนสงบสุข เจ้าของร่างเดิมคือ เหยาเหนียง หญิงสาวอายุ 18 ปี ที่ลี้ภัยมาจนถึงหมู่บ้านตระกูลหลิว ระหว่างลี้ภัยครอบครัวของนางตายหมดทำให้ต้องยอมรับการจัดสรรของทางการแต่งงานกับ หลิวจี้ พ่อหม้ายหนุ่มแห่งหมู่บ้านตระกูลหลิว แม้เขาจะมีลูกแล้วถึงสี่คนแต่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ประกอบกับใบหน้าหล่อเหลาของหลิวจี้ นางจึงตอบรับการแต่งงานนี้ ปรากฏว่าเพียงแต่งเข้ามาหลิวจี้ก็โยนภาระหน้าที่การเลี้ยงเด็กๆ ทั้งสี่และงานบ้านงานไร่ทั้งหลายมาให้นางจนหมด ส่วนเขาก็หายตัวไปไม่กลับบ้าน ทำให้เหยาเหนียงที่ร่างกายอ่อนแอและหิวโหยจากการลี้ภัยต้องไปทำงานในไร่ สุดท้ายก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีก นั่นทำให้ฉินเหยาทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้แทน ฉินเหยาพยายามใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ขาดแคลนให้ดีที่สุด ด้วยความสามารถพิเศษที่ติดตัวนางมาจากโลกโน้นทำให้นางมีพละกำลังที่มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ทั้งยังเพียบพร้อมด้วยทักษะในการดำรงชีวิตมากมาย ชีวิตของอดีตนักล่าซอมบี้จึงต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่คือการทำไร่และเป็นหัวหน้าครอบครัว เมื่อคิดว่าไม่น่าจะเอาดีด้านการทำไร่ได้ นางก็ต้องลองหาวิธีอื่นเพื่อพลิกฐานะครอบครัวให้สุขสบายขึ้นให้จงได้!

Options

not work with dark mode
Reset