Switch Mode

ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว ตอนที่ 3

ฉินเหยา นางสตรีอำมหิต

“หลิวจี้! ถ้าแน่จริงก็อย่าวิ่งหนี! หยุดเดี๋ยวนี้!”

ชายฉกรรจ์จากหมู่บ้านใกล้เคียงหลายคนไล่ตามหลิวจี้ที่กระโดดหลบไปมาเหมือนลิงพร้อมตะโกนด่า

“เป็นหนี้ก็ต้องใช้คืน! เจ้ายืมเงินแล้วไม่คืน ดูสิว่าข้าจะตีเจ้าให้ตายได้หรือไม่!”

“เจ้าหลิวสาม คืนเงินที่เจ้ายืมข้าไปมา! ไม่งั้นพวกเราจะพังบ้านเจ้า… ไม่สิ จะตีไอ้คนหลอกยืมเงินอย่างเจ้าให้ตายเพื่อใช้หนี้!”

ดูเหมือนพวกเขาเองก็จะรู้ว่าบ้านพังๆ ของตระกูลหลิวไม่มีอะไรให้พังได้อีกแล้วจึงเปลี่ยนคำพูดว่าจะตีหลิวจี้ให้ตายแทน

หลิวจี้รู้ว่าตนเองกำลังเสียเปรียบจึงวิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก

ชายหนุ่มสวมชุดยาวสีเทาที่เต็มไปด้วยรอยปะชุน รูปร่างสูงโปร่ง ผมยาวที่มัดด้วยเชือกหญ้ากระเซอะกระเซิงจากการวิ่งหนีอุตลุต ในระหว่างลนลานก็วิ่งจนรองเท้าหลุด

แต่เมื่อเขาหันหน้ากลับมากลับมองเห็นคิ้วกระบี่ ดวงตาพราวระยับราวกับดารา จมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูป แม้ผิวจะคล้ำและท่าทีอับจนไปบ้าง แต่กลับแฝงความสง่างามไร้การผูกมัดอย่างชาวยุทธภพ

ใบหน้านี้ช่างงดงามอย่างแท้จริง!

สาวชาวบ้านที่ยืนล้อมวงดูอยู่ต่างพากันก้มหน้าหลบตาอย่างลนลาน ไม่กล้ามองนาน กลัวว่าจะถูกคนอื่นจับได้ว่าใจเต้นแรง

หากเป็นยามปกติ เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หลิวจี้คงจะพูดจาแทะโลมสักสองสามคำ แต่ตอนนี้ในใจเขาเอาแต่คร่ำครวญว่า…สวรรค์จะฆ่าข้าหรือไร!

พอวิ่งจนรองเท้าหลุดหายไป ความเร็วของเขาก็ลดลง เหล่าชาวบ้านจึงเริ่มกระจายตัวไปรอบด้าน หลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับเรื่องวุ่นวายแล้วตนจะเดือดร้อนไปด้วย

หลิวจี้หลบก็หลบไม่ได้ หนีก็หนีไม่พ้น เห็นพร้าเล่มหนึ่งกำลังจะฟันลงมา ในขณะที่แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ทันใดนั้น มือหนึ่งก็พลันยื่นเข้ามาขวางตรงหน้า

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

ฉินเหยาคำรามด้วยความโกรธ มือที่ดูบอบบางของนางจับด้ามพร้าที่ฟันลงมาไว้แน่น

หลินเอ้อร์เป่าตกตะลึง สตรีชาวบ้านผู้นี้มาจากไหนกัน ถึงกล้าหยุดพร้าของเขา

เขาออกแรงกดพร้าลงไป แต่กลับต้องตกใจยิ่งขึ้นเมื่อมันไม่ขยับเลยสักนิด

ฉินเหยาออกแรงใช้เทคนิคเพียงเล็กน้อยก็เหวี่ยงทั้งคนทั้งพร้าลอยออกไป!

หลินเอ้อร์เป่าถอยหลังติดต่อกันสี่ห้าก้าว ชนเข้ากับเพื่อนร่วมหมู่บ้านที่เดินตามมาอยู่ด้านหลัง ฉากการไล่ล่าอันแสนวุ่นวายนี้จึงต้องยุติลง

“เจ้าเป็นใครกัน พวกเรามาทวงหนี้จากเจ้าหลิวสาม เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย!” หลินเอ้อร์เป่าพยายามข่มความตกใจ ตะโกนถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

ตอนนี้เองหลิวจี้จึงเพิ่งเห็นชัดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใคร ดวงตาพลันสว่างวาบ ยังไม่ทันได้คิดว่าหญิงสาวนางนี้หยุดมีดของหลินเอ้อร์เป่าได้อย่างไร เห็นนางเปรียบเสมือนฟางช่วยชีวิตรีบเข้าไปหลบอยู่หลังฉินเหยาแล้วร้องโหยหวนทันทีว่า

“ภรรยา ช่วยข้าด้วย!”

ไม่คาดคิด เพียงสิ้นเสียงพูด เสียงฝ่ามือดังสนั่นก็ตบเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นของหลิวจี้อย่างจัง!

ในชั่วขณะนั้น ลมสงบลง ทุกคนล้วนหยุดนิ่ง

ไม่เพียงแค่หลิวจี้ที่ไม่อยากเชื่อ แม้แต่หลินเอ้อร์เป่าและพวกที่มาทวงหนี้ต่างก็พากันงุนงง

ฉินเหยากวาดสายตามองใบหน้าตกตะลึงของหลิวจี้ ใบหน้านั้นหล่อเหลามากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของร่างเดิมไม่สอบถามอะไรให้แน่ชัดก็ตามเขากลับมาบ้านแล้ว

แต่ใครเลยจะคาดคิดว่า ภายใต้ใบหน้างดงามเช่นนี้กลับซ่อนความเน่าเฟะเอาไว้

มองไปทางหลิวต้าหลางและหลิวเอ้อร์หลางที่ล้มลงบนพื้นกระทั่งคนช่วยพยุงยังไม่มี ยังมีแฝดชายหญิงที่ร้องไห้จนฟองน้ำมูกลอยออกมา ในใจของฉินเหยาก็พลันปรากฏเปลวเพลิงไร้ที่มากลุ่มหนึ่งขึ้นทันที

เมื่อมองดูร่างที่ดูแข็งแรงสมบูรณ์ของหลิวจี้ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของการขาดสารอาหารแล้วนึกถึงใบหน้าเห็นแก่ตัวของเขาที่ปล่อยให้เหยาเหนียงอดตาย ดวงตาของฉินเหยาก็พลันมืดครึ้มลงพลันคิดว่าหากหลิวจี้ถูกพวกทวงหนี้ตีจนตาย นี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้

ดังนั้น ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน ฉินเหยาจึงกระชากตัวหลิวจี้ที่กำลังกุมใบหน้าด้วยความมึนงงมาตรงหน้าแล้วเตะออกไปหนึ่งที!

“ความแค้นมีที่มา หนี้สินมีเจ้าของ ใครเป็นหนี้ก็ไปทวงจากคนนั้น!”

หลิวจี้ที่โดนไล่ตามมาครึ่งวันกลับถูกภรรยาของตนถีบออกมาล้มลงตรงหน้าตนพอดี แม้ว่าหลินเอ้อร์เป่าจะไม่เข้าใจว่าหญิงนางนี้คิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือไป รีบเรียกพี่น้องมาช่วยกันกดหลิวจี้ที่กำลังตะลึงเอาไว้

ฉินเหยามองไปรอบๆ เห็นเชือกหญ้าม้วนหนึ่งแขวนอยู่ใต้ชายคา นางจึงเดินไปหยิบแล้วโยนให้หลินเอ้อร์เป่า

“มัดมือมัดเท้าไว้ จะได้ไม่หนี นี่คือลูกหนี้ของพวกเจ้าเชียวนะ”

“ภรรยา?!”

หลิวจี้ลนลานแล้ว กระวนกระวายอย่างหนัก“ภรรยา นี่เจ้ากำลังทำอะไร ข้าคือสามีของเจ้านะ เราเพิ่งให้ทางการเป็นพ่อสื่อจัดงานแต่งให้ เราเป็นสามีภรรยากันนะ!”

เสียงของหลิวจี้เริ่มแหลมขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาสังเกตว่าแม้เขาจะพูดไปมากมาย ฉินเหยากลับไม่แม้แต่จะมองเขาเลยสักนิด นางยังหันไปแนะนำพวกหลินเอ้อร์เป่าหลายคนว่าทำอย่างไรจึงจะมัดเชือกให้แน่นขึ้นได้ จนเขาถูกมัดจนกลายเป็นบ๊ะจ่าง ขยับตัวไม่ได้เลย

หลิวจี้อับอายจนพาลโกรธเตรียมจะด่าคน แต่กลับมีเศษผ้าหยาบปรากฏขึ้นในมือของฉินเหยา นางยื่นมือเข้ามาเอาผ้าอุดปากเขาไว้ การกระทำนั้นทั้งรวดเร็ว แม่นยำและเด็ดขาด

“อือๆๆ!”

หลิวจี้ดิ้นรนอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกกว้าง เหยาเหนียง นางสตรีอำมหิต เจ้าจะฆ่าสามีตัวเองหรือ!

หลินเอ้อร์เป่าแม้จะงงงัน แต่ยังไม่ลืมเตะหลิวจี้ไปสองที “หุบปาก! ร้องโวยวายอะไรอย่างกับหมูโดนเชือด!”

ฉินเหยาตบมือปัดฝุ่น ถอยหลังไปสองก้าวแล้วมองหลินเอ้อร์เป่าด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างยิ่ง

“คนพวกเจ้าพาไปเถอะ แต่อย่าทำอะไรตามใจชอบและอย่าตีจนพิการเล่า สภาพบ้านของข้าก็อย่างที่พวกเจ้าเห็น เลี้ยงเขาไม่ไหว…”

“ดังนั้น รบกวนตีเขาให้ตายไปเสีย”

ประโยคหลังนี้ ฉินเหยาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังจะบอกว่าพรุ่งนี้ฝนอาจจะตก ทำให้หลินเอ้อร์เป่าเผลอพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

แต่พอพยักหน้าไปได้ครึ่งทาง เขาก็ได้สติ ถลึงตาใส่ฉินเหยาด้วยความโกรธ “นางหญิงเจ้าเล่ห์ผู้นี้! ปั่นหัวข้าเล่นหรือไร!”

ฉินเหยาตอบเขา “พี่ใหญ่ ข้าพูดจริงนะ จำไว้ ต้องตีให้ตาย!”

ดวงตารูปทรงผลซิ่งคู่นั้นจ้องตรงไปยังเขา ใบหน้านั้นดูอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด แต่แววตากลับเต็มไปด้วยไอสังหารพวยพุ่ง!

หลินเอ้อร์เป่าตัวสั่นไปทั้งกาย ขยับถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว “เจ้า…เจ้าคิดจะเอาชีวิตเจ้าหลิวสามมาชดใช้หนี้จริงหรือ”

ฉินเหยาตอบรับเสียงหนึ่งแล้วไม่มองหลินเอ้อร์เป่าอีก รวมถึงไม่มองหลิวจี้ที่ลูกตาแทบถลนออกมาแล้วผู้นั้นด้วย

หลิวจี้ “อื้อๆๆ!!!”

นางสตรีอำมหิต! เหยาเหนียง เจ้ามันสตรีอำมหิต! เจ้ากล้าคิดจะให้ข้าตาย! ข้าจะฆ่าเจ้า!

ฉินเหยาเดินตรงไปยังข้างกายหลิวต้าหลางและหลิวเอ้อร์หลาง ประคองสองพี่น้องที่ล้มอยู่ขึ้นมา ขณะตรวจดูบาดแผลของเด็กๆ นางก็กล่าวกับหลินเอ้อร์เป่าและพรรคพวกที่ยังมีท่าทีดุดันว่า

“ที่นี่คือบ้านข้า แม้จะมีเพียงพวกเราแม่ม่ายกับลูกกำพร้า แต่ข้าฉินเหยาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ หลิวจี้ข้าก็ส่งให้พวกเจ้าแล้ว หากยังมาก่อเรื่องวุ่นวายที่หน้าบ้านข้าหรือทำร้ายคนในครอบครัวข้าอีก ข้าก็จะสู้สุดชีวิตและลากมันผู้นั้นไปพบพญายมด้วยกัน!”

ต้าหลางและเอ้อร์หลางจ้องมองแม่เลี้ยงที่กำลังตรวจบาดแผลของพวกเขาอย่างละเอียด การกระทำของนางอ่อนโยน แต่ดวงตากลับเปี่ยมไปด้วยไอสังหารบีบคั้นผู้คน ชั่วขณะนั้นทำให้ทั้งสองหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับ

หลินเอ้อร์เป่าขมวดคิ้วแน่น นางหญิงผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆ เขาเริ่มลังเลและไม่อยากมีเรื่องกับนางอีก

ต้าหลางและเอ้อร์หลางเพียงแค่หิวมานานจนร่างกายอ่อนแอ เมื่อพวกเขาล้มลงจึงรู้สึกวิงเวียนจนลุกขึ้นไม่ได้ นอกจากรอยถลอกเล็กๆ บนแขนแล้วก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร

ฉินเหยาถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วดึงแฝดชายหญิงที่ร้องไห้จนน้ำมูกเต็มหน้ามาตรงหน้าตน

แม้ว่าสตรีผู้นี้จะเพิ่งมาที่บ้านของพวกเขาได้เพียงสามวัน แต่ในตอนนี้เด็กทั้งสี่คนกลับรู้สึกเหมือนว่าพวกเขามีคนที่สามารถพึ่งพาได้แล้ว

ซื่อเหนียงเดินเข้ามาจับมือฉินเหยาก่อน มือเล็กๆ กำนิ้วหนึ่งของนางเอาไว้แน่นพลางร้องเรียกด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยการพึ่งพาว่า “ท่านแม่ ซื่อเหนียงกลัว…”

“ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่แล้ว” ฉินเหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตนเองถึงกับปรับตัวกับบทบาทแม่เลี้ยงใหม่ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

เมื่อได้ยินคำของท่านแม่ ซื่อเหนียงก็สูดน้ำมูกแล้วพยักศีรษะเล็กๆ อย่างหนักแน่น

ซื่อเหนียงกล้าหาญ ไม่กลัวหรอก

ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว

ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว

Status: Ongoing
ชีวิตของอดีตนักล่าซอมบี้จึงต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่คือการทำไร่และเป็นหัวหน้าครอบครัว เมื่อคิดว่าไม่น่าจะเอาดีด้านการทำไร่ได้ นางก็ต้องลองหาวิธีอื่นเพื่อพลิกฐานะครอบครัวให้สุขสบายขึ้นให้จงได้! นิยายจีนโบราณ แนวชีวิตประจำวัน สร้างฐานะ ฉินเหยา ทะลุมิติจากวันสิ้นโลกที่มีซอมบี้ พืชและสัตว์กลายพันธุ์มาอยู่ในยุคโบราณแสนสงบสุข เจ้าของร่างเดิมคือ เหยาเหนียง หญิงสาวอายุ 18 ปี ที่ลี้ภัยมาจนถึงหมู่บ้านตระกูลหลิว ระหว่างลี้ภัยครอบครัวของนางตายหมดทำให้ต้องยอมรับการจัดสรรของทางการแต่งงานกับ หลิวจี้ พ่อหม้ายหนุ่มแห่งหมู่บ้านตระกูลหลิว แม้เขาจะมีลูกแล้วถึงสี่คนแต่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ประกอบกับใบหน้าหล่อเหลาของหลิวจี้ นางจึงตอบรับการแต่งงานนี้ ปรากฏว่าเพียงแต่งเข้ามาหลิวจี้ก็โยนภาระหน้าที่การเลี้ยงเด็กๆ ทั้งสี่และงานบ้านงานไร่ทั้งหลายมาให้นางจนหมด ส่วนเขาก็หายตัวไปไม่กลับบ้าน ทำให้เหยาเหนียงที่ร่างกายอ่อนแอและหิวโหยจากการลี้ภัยต้องไปทำงานในไร่ สุดท้ายก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีก นั่นทำให้ฉินเหยาทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้แทน ฉินเหยาพยายามใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ขาดแคลนให้ดีที่สุด ด้วยความสามารถพิเศษที่ติดตัวนางมาจากโลกโน้นทำให้นางมีพละกำลังที่มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ทั้งยังเพียบพร้อมด้วยทักษะในการดำรงชีวิตมากมาย ชีวิตของอดีตนักล่าซอมบี้จึงต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่คือการทำไร่และเป็นหัวหน้าครอบครัว เมื่อคิดว่าไม่น่าจะเอาดีด้านการทำไร่ได้ นางก็ต้องลองหาวิธีอื่นเพื่อพลิกฐานะครอบครัวให้สุขสบายขึ้นให้จงได้!

Options

not work with dark mode
Reset